คุณอยู่ที่: หน้าแรก เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ พัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาสุขศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุข
ศึกษาและพลศึกษา เรื่องพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่น ของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้
ผู้วิจัย นายมนตรี ลีเขียว
โรงเรียน มัธยมหนองศาลา ปีที่พิมพ์ 2561
บทคัดย่อ
รายงานการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาสุขศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา เรื่องพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาสุขศึกษา เรื่องพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่นวัยรุ่น โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนเรียนและหลังเรียน หลังจากจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่ 2 โรงเรียนมัธยมหนองศาลา อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 32 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Sampling) ทั้งนี้เนื่องจากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่แตกต่างกัน และมีการจัดห้องเรียนโดยคละความสามารถของนักเรียนทั้งเรียนเก่ง เรียนปานกลาง และเรียนอ่อน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 6 ชุด 2) ข้อสอบย่อยประจำชุดกิจกรรมกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 6 ชุด เป็นข้อสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวนชุดละ 10 ข้อ รวมเป็น 60 ข้อ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นข้อสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ตั้งแต่ 0.60 ถึง 1.00 มีค่าอำนาจจำแนก (B) รายข้ออยู่ระหว่าง 0.332 ถึง 0.736 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ โดยใช้วิธีของ Lovett เท่ากับ 0.921 4) แบบวัดความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ แบ่งเป็น 4 ด้าน ได้แก่ ด้านเนื้อหา ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านสื่อและแหล่งเรียนรู้ และด้านการวัดและประเมินผล จำนวน 15 ข้อ ความสอดคล้อง (IC) ถ้าได้ค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 0.60 ถึง 1.00 มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.379 ถึง 0.894 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับโดยหาสัมประสิทธิ์แอลฟา (a-Coeffcient) ตามวิธีการเท่ากับ 0.916 5) แผนการจัดการเรียนรู้การเรียนรู้ จำนวน 12 แผน 12 ชั่วโมง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า